Skip to main content

Root/UnRoot Galaxy S ด้วย Click เดียว


คุณเคยมั้ย เวลาที่คุณจะ Root Android ซักเครื่องนึง คุณต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับการเข้าไปพิมพ์คำสั่งใน ADB Shell กลัวจะพิมพ์ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง (พิมพ์ถูกไม่เป็นไรพิมพ์ผิดอาจมีเรื่อง)

หรือตอนนี้อาจจะมีมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น โดยการ Root ผ่าน update.zip แต่ก็ต้องไป copy ลงไปใน SD card (ใน Galaxy S ก็ Intenal Memory Card) จากนั้นก็กดสูตรเพื่อเข้า Recovery Mode วุ่นวายจัง

แล้วเจ้าตัวนี้หละจะช่วยอะไร
  • ไม่ต้องเข้าไปปวดหัวกับ ADB shell
  • ไม่ต้อง copy update.zip ลงไปใน SD card
  • ไม่ต้องกดสูตรเพื่อเข้าไป Recovery Mode เพื่อเข้าไป Root
นั่นแหละสิ่งที่ด้านบน list มาให้มันช่วยแค่นั้นแหละยังไม่ถึงกับ Root เพียงแต่มัน Copy update.zip ลงไปในเครื่องเราให้จากนั้นมันจะ Reboot เพื่อเข้า Recovery Mode ให้เพื่อให้เรากด update.zip เอง (เพื่ออะไรเนี่ยน่าจะ Root ไปเลย)

ยอมรับว่าพลาดเขียน content ก่อนจะลองจริง พอลองจริงแล้วรู้สึกว่าเอ่อ ใช้วิธีเดิมเหอะง่ายกว่าเยอะ แต่หลวมตัวเขียนมาแล้ว ขอ up ขึ้น blog แล้วกันเป็นทางเลือกสำหรับบางคนที่อาจจะชอบวิธีนี้ เอาละบ่นมาเยอะแล้วมาดูแล้วกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง

สิ่งที่ต้องมีในเครื่อง
  1. Sumsung-Driver (ตัวนี้ผมชอบมากสามารถเอามาใช้แทน Kies ได้ถ้าต้องการเอาแค่ Driver อย่างเดียวแต่ไม่ต้องการใช้ Kies)
  2. .Net Framework Version 4
  3. สุดท้ายคือ Galaxy S i9000 one click root file
วิธีทำ
  1. ติดตั้ง Driver ของ Sumsung ก่อนโดยจากนั้นก็ติดตั้ง .Net Framework Version 4 แล้ว restart เครื่อง
  2. จากนั้นไปเปิด Mode USB Debugging ใน Galaxy S ไปที่ menu > setting > Applications > Development > USB Debugging
  3. จากนั้นนำ Galaxy S i9000 one click root file ที่โหลดมาเอามาแตก zip ลงตรงไหนของเครื่องก็ได้ จากนั้นเอา Galaxy S ของท่านต่อเข้า Computer ของท่าน เน้นว่ารอให้มันหา Driver ให้เจอก่อน
  4. จากนั้นเปิด Program ที่ชื่อ "Galaxy S I9000 One-Click Root.exe" ขึ้นมา แล้วจะมีให้เลือก Root 2.1 หรือ 2.2 และ UnRoot 2.1 ก็เลือกกันไปในสิ่งที่เราอยากจะทำ
  5. จากนั้นเมื่อเราเลือกแล้วมันจะขึ้นหน้าต่างนี้มาให้
  6. จากนั้น Galaxy S เราจะ Reboot แล้วจะเข้ามาใน Mode Recovery ให้ ให้เราเลือกไปที่ "Apply sdcard: update.zip" ดังรูป (ถ้าทำสำเร็จก็จะ Reboot เครื่องเป็นอันเสร็จ)
จบแล้วสำหรับการทำ ไม่มีไรจะพูดต่อ.... ขอจบเลยละกันครับ

ที่มา addictivetips via XDA Forums

ปล. Wave ถ้ามือไม่นิ่งจริงถ่ายออกมาไม่ชัดเลย ดูอย่างรูปด้านบนเป็นตัวอย่าง

Comments

Popular posts from this blog

ลองเล่นและเรียนรู้พื้นฐานขั้นต้นของ Spring Framework

** สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนรู้ในด้านของ Java EE หรือ J2EE อาจจะมึนงงกับศัพท์หน่อยครับ ทำไมต้อง Spring Spring เป็น framework ที่นิยมมากในการนำไปสร้างระบบในระดับ enterprise ในเริ่มแรกที่ Spring เกิดมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะมาแทนที่มาตรฐานของ Java อย่าง J2EE (Java 2 Enterprise Edition) ที่มันทั้งหน่วงทั้งอืดและยุ่งยาก โดยเฉพาะในส่วนของ EJB (Enterprise Java Bean) ที่ถือว่าเป็นฝันร้ายของนักพัฒนา ทำให้กูรูสาย Java ในช่วงนั้นถึงกับแนะนำว่า ถ้าจำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบด้วย J2EE จงอย่าใช้ EJB ถึงขั้นถึงกับมีหนังสือแนะแนวทางการพัฒนาระบบ J2EE โดยไม่ใช้ EJB อย่างไรก็ตามทาง Sun ผู้เป็นเจ้าของ Java ในสมัยนั้น ถึงกับต้องมาล้างระบบ J2EE ใหม่ในปี 2006 จัดการใน EJB ให้ใช้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการเปลี่ยนชื่อจาก J2EE เป็น Java EE (Java Enterprise Edition) เพื่อลบภาพอันเลวร้ายของเดิมให้หมด และได้มีการนำฟีเจอร์เด็ดๆ ของ open source framework หลายๆ ตัว อย่างเช่นแกนหลักของ Spring อย่าง IoC (Inversion of Control) หรือ OR Mapping (Object Relational Mapping) ที่เป็นที่นิยมอย่าง Hibernate แต่ก็ไ

ลองเล่น Lambda Expression ฟีเจอร์เด่นใน Java 8

ประวัติความเป็นมาของ Lambda expression Lambda expression ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในวงการ ภาษาโปรแกรม ( Programming Language ) เพราะ lambda มันเป็นแกนหลักของ การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน ( Functional Programming ) ซึ่งมีอายุมานานมากแล้ว แต่ Java เพิ่งนำเอาคุณสมบัตินี้เอามาใส่ลงในเวอร์ชัน 8 หากจะกล่าวถึงที่มาของ lambda คงต้องไปดูที่ถึงที่มาของ lambda calculus ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1930 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน  Alonzo Church  เพื่อใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน ในบางครั้งสมการทางคณิตศาสตร์ที่ยาวไปอาจจะทำให้เกิดความซับซ้อนโดยใช่เหตุ lambda calculus จะทำการยุบบางส่วนของสมการนั้นออกมาเป็นฟังก์ชันย่อยๆ เพื่อทำให้สมการนั้นเข้าใจง่ายขึ้น ต่อมาหลักการของ lambda calculus ได้ถูกนำไปใช้ใน Turing Machine ซึ่งเป็นแบบจำลองในอุดมคติของ Alan Turing  ที่ต่อมากลายเป็นต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในการผลิต  Von Neumann Machine  ซึ่ง Von Neumann Machine ตัวนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดแนวคิดของ lambda calculus ก็ถูกนำมาแปลงเป็นภาษาโปรแกรมท

ลองเล่น SonarQube คลื่นโซนาร์ช่วยตรวจสอบคุณภาพของ code

SonarQube  คือเครื่องมือช่วยตรวจสอบคุณภาพของ source code ช่วยหาข้อบกพร่องใน source code ไม่ว่าจะเป็น Bug ที่น่าจะเกิดขึ้น ช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยหรือกลิ่นไม่ดีใน source code ของเรา (Code Smell) และ ช่วยตรวจสอบเราเขียน code ทดสอบครอบคลุมหรือดีแล้วยังยัง (code coverage) Code Smell ไม่ได้ใช้วัดว่า source code นี้สามารถทำงานได้ถูกต้อง มี bug หรือช่องโหว่หรือไม่ แต่ Code Smell ใช้วัดถึงคุณภาพของการออกแบบ เพื่อตรวจสอบว่า source code ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะสามารถต่อเติม แก้ไขหรือทดสอบได้ง่ายหรือไม่ โดยหลักเกณฑ์ที่นำมาใช้วัดในส่วนของ Code Smell คือ ความซ้ำซ้อนของ code มี code แบบเดียวกันไปซ้ำกันในไฟล์ไหนบ้าง ตรวจสอบเงื่อนไขใน if ให้ ว่าเงื่อนไขตรงนี้มันมีโอกาสเป็นไปได้ไหม เพราะบางทีเงื่อนไขที่เราเขียนขึ้นมาเพื่อดักไว้ในบางครั้งมันแทบจะไม่มีโอกาสที่เวลามันทำงานแล้วเข้าเงื่อนไขในส่วนนั้น เป็นต้น สามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.somkiat.cc/code-smell-internal-class/ นอกจาก SonarQube จะสามารถบอกถึงคุณภาพของ source code เราได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการแจกแจงงานให