Skip to main content

ลอง Android Froyo 2.2 ใน Galaxy S และวิธีแก้ Lagfix ใน Froyo 2.2

วันนี้ผมได้ลองเอา Galaxy S ของผมลอง Android 2.2 ซึ่งผมได้ลองจากที่ คุณ tanit9999 จาก Droidsans ที่เขียนวิธีไว้ใน Link นี้


แล้วพบปัญหาเหมือนเดิมๆ ของ ROM ของ Android ที่เจอใน Samsung อยู่เป็นประจำคือมันช้า ช้าและกระตุก ถึงจะไม่มากแต่มันก็ทำให้รำคาญมาก บางคนถึงกับรับไม่ได้ต้องย้อนลงไป 2.1 ใหม่
แต่ตอนนี้ได้มีวิธีแก้แล้ว โดยวิธีแก้นั้นผมก็ได้มาจากแหล่งเดิมคือ Droidsans จากคุณ windy31 ตาม Link นี้ ซึ่งก็เขียนสรุปได้ดีไม่เยิ่นเย้อเหมือนใน Web ต่างประเทศ

จากเดิมค่า Benmark ของ Galaxy S ที่ลง 2.2 ก่อนแก้ Lagfix นั้นคือ 900 กว่า ซึ่งจะเห็นว่ามันน้อยมากเมื่อเทียบกับ Froyo 2.2 ใน Nexus 1 (ประมาณ 1275) ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยเพราะ Galaxy S นั้น Spec ก็ดีกว่า แถมก่อนลง 2.2 ยังได้ Benmark ประมาณ 800 ซึ่งจะเห็นว่าพอลง 2.2 แล้วมันเพิ่มขึ้นมานิดเดียว แต่พอลง Lagfix แล้วขึ้นถึง 1700 - 1800 ตามเวลานั้นด้วยว่าเครื่องทำงานหนักไหม แถมบางคนได้ถึง 2000 - 2100 ด้วย


เห็นแล้วอยากจะทำไหมครับ ทำตาม Link นี้ได้เลยผมการันตีเพราะผมทำได้แล้ว
แต่ไม่รับประกันว่าเครื่องจะเสียประกันหรือเสียหายไหม เพราะว่ามันต้อง Root ก่อน

แต่เท่าที่เคยทำเครื่อง Android มาสามสี่รุ่นแล้วไม่เคยมีเครื่องไหนเสียครับ

เอาละจบแล้วเอาประสบการณ์มาแชร์กัน ใครบางคนที่อาจจะเซ็งๆกับ Galaxy S ที่ Spec ก็ดีที่สุดแต่ทำไมมันกระตุกไม่ลื่นเหมือน Android อื่นลองได้ครับรับรองไม่ผิดหวัง

ปล. 1 การทำแบบนี้ไม่ทำให้ข้อมูลใน Internal HD (16 Gb) นั้นไม่สูญหาย ภาพถ่ายหรืออะไรต่างๆอยู่ครบ แต่จะทำให้ข้อมูลในตัวเครื่องหาย เช่น Contact (Sync ใหม่ได้) SMS Email App ต่างๆหาย
ปล. 2 ถ้าหาก Samsung Wave ลง Android ได้ผมจะลองทำและมาบอกผลครับ

Comments

Popular posts from this blog

ลองเล่นและเรียนรู้พื้นฐานขั้นต้นของ Spring Framework

** สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนรู้ในด้านของ Java EE หรือ J2EE อาจจะมึนงงกับศัพท์หน่อยครับ ทำไมต้อง Spring Spring เป็น framework ที่นิยมมากในการนำไปสร้างระบบในระดับ enterprise ในเริ่มแรกที่ Spring เกิดมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะมาแทนที่มาตรฐานของ Java อย่าง J2EE (Java 2 Enterprise Edition) ที่มันทั้งหน่วงทั้งอืดและยุ่งยาก โดยเฉพาะในส่วนของ EJB (Enterprise Java Bean) ที่ถือว่าเป็นฝันร้ายของนักพัฒนา ทำให้กูรูสาย Java ในช่วงนั้นถึงกับแนะนำว่า ถ้าจำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบด้วย J2EE จงอย่าใช้ EJB ถึงขั้นถึงกับมีหนังสือแนะแนวทางการพัฒนาระบบ J2EE โดยไม่ใช้ EJB อย่างไรก็ตามทาง Sun ผู้เป็นเจ้าของ Java ในสมัยนั้น ถึงกับต้องมาล้างระบบ J2EE ใหม่ในปี 2006 จัดการใน EJB ให้ใช้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการเปลี่ยนชื่อจาก J2EE เป็น Java EE (Java Enterprise Edition) เพื่อลบภาพอันเลวร้ายของเดิมให้หมด และได้มีการนำฟีเจอร์เด็ดๆ ของ open source framework หลายๆ ตัว อย่างเช่นแกนหลักของ Spring อย่าง IoC (Inversion of Control) หรือ OR Mapping (Object Relational Mapping) ที่เป็นที่นิยมอย่าง Hibernate แต่ก็ไ

ลองเล่น Lambda Expression ฟีเจอร์เด่นใน Java 8

ประวัติความเป็นมาของ Lambda expression Lambda expression ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในวงการ ภาษาโปรแกรม ( Programming Language ) เพราะ lambda มันเป็นแกนหลักของ การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน ( Functional Programming ) ซึ่งมีอายุมานานมากแล้ว แต่ Java เพิ่งนำเอาคุณสมบัตินี้เอามาใส่ลงในเวอร์ชัน 8 หากจะกล่าวถึงที่มาของ lambda คงต้องไปดูที่ถึงที่มาของ lambda calculus ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1930 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน  Alonzo Church  เพื่อใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน ในบางครั้งสมการทางคณิตศาสตร์ที่ยาวไปอาจจะทำให้เกิดความซับซ้อนโดยใช่เหตุ lambda calculus จะทำการยุบบางส่วนของสมการนั้นออกมาเป็นฟังก์ชันย่อยๆ เพื่อทำให้สมการนั้นเข้าใจง่ายขึ้น ต่อมาหลักการของ lambda calculus ได้ถูกนำไปใช้ใน Turing Machine ซึ่งเป็นแบบจำลองในอุดมคติของ Alan Turing  ที่ต่อมากลายเป็นต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในการผลิต  Von Neumann Machine  ซึ่ง Von Neumann Machine ตัวนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดแนวคิดของ lambda calculus ก็ถูกนำมาแปลงเป็นภาษาโปรแกรมท

ลองเล่น SonarQube คลื่นโซนาร์ช่วยตรวจสอบคุณภาพของ code

SonarQube  คือเครื่องมือช่วยตรวจสอบคุณภาพของ source code ช่วยหาข้อบกพร่องใน source code ไม่ว่าจะเป็น Bug ที่น่าจะเกิดขึ้น ช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยหรือกลิ่นไม่ดีใน source code ของเรา (Code Smell) และ ช่วยตรวจสอบเราเขียน code ทดสอบครอบคลุมหรือดีแล้วยังยัง (code coverage) Code Smell ไม่ได้ใช้วัดว่า source code นี้สามารถทำงานได้ถูกต้อง มี bug หรือช่องโหว่หรือไม่ แต่ Code Smell ใช้วัดถึงคุณภาพของการออกแบบ เพื่อตรวจสอบว่า source code ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะสามารถต่อเติม แก้ไขหรือทดสอบได้ง่ายหรือไม่ โดยหลักเกณฑ์ที่นำมาใช้วัดในส่วนของ Code Smell คือ ความซ้ำซ้อนของ code มี code แบบเดียวกันไปซ้ำกันในไฟล์ไหนบ้าง ตรวจสอบเงื่อนไขใน if ให้ ว่าเงื่อนไขตรงนี้มันมีโอกาสเป็นไปได้ไหม เพราะบางทีเงื่อนไขที่เราเขียนขึ้นมาเพื่อดักไว้ในบางครั้งมันแทบจะไม่มีโอกาสที่เวลามันทำงานแล้วเข้าเงื่อนไขในส่วนนั้น เป็นต้น สามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.somkiat.cc/code-smell-internal-class/ นอกจาก SonarQube จะสามารถบอกถึงคุณภาพของ source code เราได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการแจกแจงงานให