Skip to main content

Posts

พรีวิว LG G2 จากเว็บต่างประเทศ

หลังจากเปิดตัวเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ทาง LG เริ่มทยอยส่งเครื่องให้บรรดาชาว blogger ต่างประเทศได้รีวิวกันแล้ว หลายๆ เว็บเริ่มปล่อยพรีวิวสั้นๆ ออกมาให้ชมกัน เราจะมาดูกันว่าหน้าจอที่กว้างถึง 5.2 นิ้วและการย้ายปุ่มไว้ด้านหลังทั้งหมดจะมีผลต่อการใช้งานไหม รูปลักษณ์และขนาดของตัวเครื่อง เป็นเรือธงรุ่นแรกของ LG ที่ไม่มีปุ่ม (home, setting, back) ทางกายภาพ (physical) แล้ว ทุกปุ่มย้ายเข้าไปอยู่บนหน้าจอทั้งหมด ถึงแม้ว่าหน้าจอของ G2 จะมีขนาดใหญ่ถึง 5.2 นิ้ว แต่ตัวเครื่องกลับไม่ได้ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับ Nexus 4 ที่มีหน้าจอกว้าง 4.7 นิ้ว เป็นเพราะการย้ายปุ่ม power, volume locker ไว้ข้างหลังหมดทำให้ขอบจอบางลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ขนาดไม่ต่างจากมือถือเรือธงค่ายอื่นที่มีหน้าจอขนาด 5 นิ้วเหมือนกัน Nexus 4 LG G2 Galaxy S4 Xperia Z หน้าจอ 4.7 นิ้ว 5.2 นิ้ว 5 นิ้ว 5 นิ้ว ความยาว 133.9 mm 138.5 mm 136.6 mm 139 mm ความกว้าง 68.7 mm 70.9 mm 69.8 mm 71 mm ความหนา 9.1 mm 8.9 mm 7.9 mm 7.9 mm ในส่วนของปุ่ม power และ vol

ทดสอบ TriNet กับ 3G ที่ดีขึ้น (รึเปล่า?) จาก DTAC

เมื่อวานนี้ (13 สค. 56) ผมได้รับข้อความจาก DTAC ว่าเบอร์ของผมจะได้รับการอัพเกรดให้เป็น TriNet ผมจึงได้อัดวิดีโอไว้เพื่อเปรียบเทียบความเร็วอินเตอร์เน็ตก่อนอัพเกรด (3G บนคลื่น 850 MHz) และ หลังการอัพเกรด (3G บนคลื่น 2100 MHz) ว่าแตกต่างกันแค่ไหน ความเร็วอินเตอร์เน็ตก่อนการอัพเกรด (3G คลื่น 850 MHz) ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความเร็ว 3G บนคลื่น 850 MHz ของ DTAC มันช่วงห่วยแตกเสียเหลือเกิน จากวิดีโอทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต (ด้านบน) จะเห็นได้ว่าความเร็วสูงสุดที่ได้ในช่วงเวลานั้น (บ่าย 2 - บ่าย 3) ไม่เคยเกิน 1 Mbps เลย โดยเฉลี่ยแล้วเร็วกว่าความเร็ว FUP (384 Kbps) เพียงนิดหน่อย (ขนาดโฮสต์ที่แอพ Speed Test ติดต่อได้ ณ ตอนนั้นเป็นโฮสต์ของ DTAC เองนะเนี่ย) โดยก่อนหน้านั้นช่วงเวลา 11.00 - 12.00 ในวันเดียวกัน โดยคาดว่าน่าจะเป็นช่วงที่มีคนใช้อินเตอร์เน็ตอย่างหนาแน่น ความเร็วที่ได้ไม่เคยเกินความเร็ว FUP (384 Kbps) ทั้งๆ ที่วันนั้นเป็นวันตัดยอดเริ่มต้นนับยอดการใช้อินเตอร์เน็ตใหม่ ความเร็วอินเตอร์เน็ตหลังการอัพเกรด (3G คลื่น 2100 MHz) ความเร็วต่างกันยังกะหน้ามือกับหลังเท้าเลยทีเดียว ความเ

[เตือนภัย] มัลแวร์ที่มาในรูปแบบแอนตี้ไวรัสปลอม อาจทำให้สูญเงินในบัญชีได้

ก่อนหน้านี้มีผู้ไม่ประสงค์ดี สร้างฟิชชิง ( phishing ) หน้าเว็บธุรกรรมทางการเงินของธนาคารที่มี url และหน้าตาที่ใกล้เคียงกับหน้าเว็บของธนาคารจริงๆ เพื่อดักเอาข้อมูลทางทำธุรกรรมทางการเงินไป แต่ต่อมาการโจรกรรมข้อมูลได้พัฒนาขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะเข้า url ถูกแล้วแต่ก็ยังไม่วายโดนล้วงข้อมูลไปอยู่ดี ช่วงนี้ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่าหลายๆ ธนาคารพยายามแจ้งเตือนให้ลูกค้าระมัดระวังเรื่องโทรจันและสปายแวร์ที่ดักจับข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ (เช่น KBank , SCB , BBL , KTB และอีกหลายธนาคาร) ถึงแม้ทางธนาคารพยายามประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนลูกค้าแล้ว แต่ก็ยังมีเหยื่อที่ตกเป็นผู้เสียหายจากโทรจันและสปายแวร์เหล่านี้อยู่ เรามาดูกันว่าเจ้าโทรจันและสปายแวร์ที่ว่านี้หลอกเราได้อย่างแนบเนียนอย่างไร ตอนนี้มีโทรจันบน Windows ที่มีชื่อว่า Win32/Autorun.spy.Banker.M กำลังระบาดอย่างหนัก โดยมันจะแฝงตัวเข้าไปเกาะติดกับบราวเซอร์ IE (เวอร์ชั่นเก่าๆ) และ Firefox โดยมันจะสร้างหน้าเว็บทับหน้าเว็บธุรกรรมทางการเงินจริงๆ ของธนาคารนั้น ดังรูปด้านบน (ถึงแม้ว่าเราจะเข้า url หน้าเว็บธุรกรรมทางการเงินของธนาคารนั

แอพสำหรับ Google Glass เริ่มทยอยมากันเรื่อยๆ

หลังจากที่ Google เปิดขาย Google Glass Explorer Edition ให้แก่นักพัฒนาและผู้ใช้บางส่วน ในวันนี้นักพัฒนาที่ได้รับ Google Glass Explorer Edition ได้เริ่มทยอยปล่อยแอพลงบน Google Glass แล้วไม่ว่าจะเป็นแอพจำพวกเครือข่ายสังคมออนไลน์และบล็อคอย่าง Twitter , Facebook และ Tumblr แอพสำหรับอ่านข่าวและนิตยสารจาก CNN, New York Times และ Elle และแอพอรรถประโยชน์อย่าง Evernote แอพ Facebook สามารถอัพโหลดรูปหรืออัพเดทสถานะผ่านเสียงจาก Google Glass ได้ โดยในส่วนของรูปถ่ายจะยังไม่สามารถ Tag เพื่อนๆ ได้ แต่สามารถกำหนดระดับการแชร์ได้ ส่วน Twitter นั้นดูเหมือนว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา แต่ก็มีฟีเจอร์มากพอสมควร เช่น สามารถรองรับการ tweet ด้วยรูปภาพได้ และทุกครั้งที่เรา tweet ผ่าน Google Glass มันจะใส่ tag #throughglass มาให้โดยอัตโนมัติ ส่วน Evernote นั้นยังไม่มีความสามารถอะไรมากนัก ยังอยู่ในช่วงตั้งต้น ทำได้เพียงถ่ายรูปขึ้น Evernote และนำ To-do List ที่เป็นข้อความไปแสดงบน Glass แต่ต้องเข้าไปตั้งค่า To-do List นั้นผ่าน Evernote บนหน้าเว็บเพื่อให้แชร์มัยังที่ Google Galss ก่อน ใครที่มี Google

วิดีโอ 53 นาทีไขข้อกระจ่าง ทุกสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับ Android Studio IDE

เมื่อวานนี้ในงาน Google I/O ทาง Google ได้เปิดตัว Android Studio ซึ่งเป็น IDE สำหรับพัฒนาแอพบนแอนดรอยด์ที่มีฐานมาจาก IntelliJ IDEA โดยความพิเศษของมันอยู่ที่ Multitalented preview window ที่จะแสดงผลแอพบนหน้าจอที่จำลองสภาวะแวดล้อมจากอุปกรณ์ Nexus ทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือแท็บแล็ต ทำให้เราเห็นหน้าตาของแอพในหน้าจอทุกๆ ขนาด ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ เพื่อช่วยลดปัญหา UI Fragmentation (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก ข่าวเก่า ) ในวันนี้ Google ได้อัพโหลดวิดีโอที่นำเสนอทุกสิ่งที่นักพัฒนาอยากรู้เกี่ยวกับ Android Studio จาก Section นึงในงาน Google I/O เป็นความยาว 53 นาที ใครสนใจและอยากทดลอง Android Studio สามารถไปโหลดได้ที่ developer.android.com ซึ่งรองรับบนระบบปฏิบัติการ Windows, OSX และ Linux ที่มา Android Police

[ข่าวลือ] Nexus 4 สีขาว และ Android 4.3 จะมาพร้อมๆ กันในวันที่ 10 มิถุนายนนี้

ถึงแม้ว่า Keynote ในงาน Google I/O ทาง Google จะไม่ได้เอ่ยถึง Android เวอร์ชันใหม่และอุปกรณ์ Nexus ตัวอื่นๆ เลย โดยจะเน้นไปยังบริการและ API ใหม่ๆ มากกว่า ( ข่าวเก่า ) ถึงกระนั้นก็ยังมีข่าวลือจากเว็บ Android and Me ที่ยืนยันว่า Google เตรียมเปิดขาย Nexus 4 รุ่นสีขาวที่จะมาพร้อมกับ Android 4.3 ในวันที่ 10 มิถุนายนเดือนหน้านี้ บน Play Store โดยหน้าตาของ Nexus 4 สีขาวก็จะเหมือนรุ่นสีดำแต่ด้านหลังและขอบข้างจะเป็นสีขาว ส่วนด้านหน้าจะยังคงเป็นสีดำเช่นเดิม แต่ในข่าวไม่ได้กล่าวถึงว่าจะมีการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ของ Nexus 4 ให้รองรับ 4G LTE หรือไม่ ที่มา Android Central

Amazon Appstore เตรียมขยายการบริการอีก 200 ประเทศ

หลังจากที่ Amazon Appstore เปิดตัวมาได้ 2 ปีนิดๆ ( ข่าวเก่า ) ซึ่งใน 2 ปีที่ผ่านมา Amazon Appstore ยังเปิดให้บริการอยู่ในวงแคบๆ ในอเมริกา ญี่ปุ่น และ บางประเทศยุโรปเท่านั้น ในวันนี้ Amazon ประกาศแผนที่จะขยายการให้บริการเพิ่มอีก 200 ประเทศทั่วโลกโดย แคนาดา, ออสเตรเลีย, เม็กซิโก, เกาหลีใต้ และแอฟริกาใต้ จะเป็นประเทศแรกๆ ที่ Amazon จะเปิดบริการนำร่อง ส่วนประเทษอื่นๆ คาดว่าคงจะทะยอยประกาศออกมาเรื่อยๆ โดยในตอนนี้ Amazon ได้เปิดให้นักพัฒนาจากต่างประเทศสามารถส่งแอพขึ้นไปบน Amazon Appstore ได้แล้ว จากการขยายบริการดังกล่าว คาดว่าคงเป็นหมากการเดินเกมครั้งสำคัญของ Amazon ที่จะขยายตลาดของ Kindle Fire แท็บแล็ตของตนเองไปยังประเทศอื่นมากขึ้น และหวังว่าใน 200 ประเทศนั้นจะมีรายชื่อประเทศไทยรวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ชาวไทยสามารถซื้อ Kindle Fire ได้ง่ายขึ้นและถูกขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสทองของนักพัฒนาที่จะมีตลาดแหล่งใหม่ในการทำเงิน เพราะจากการสำรวจพบว่านักพัฒนาสามารถทำเงินจาก Amazon Appstore ได้มากกว่า Google Play ถึง 3 เท่า ( ข่าวเก่า ) ที่มา Android Central