Skip to main content

STRaND-1 ดาวเทียมพลัง Android ขนาดมินิ อนาคตของดาวเทียมส่วนตัว ราคาถูก!!!



ต่อเนื่องจากข่าวที่แล้วที่มีการนำดาวเทียมขนาดเล็ก STRaND-1 มาใช้ในทดลองทางวิทยาศาสตร์ ในข่าวนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าดาวเทียมขนาดจิ๋วนี้กัน ว่ามันมีที่มาที่ไปเป็นยังไง

STRaND-1 เกิดมาจากควาร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัย University of Surrey และบริษัท Surrey Satellite Technology Limited (SSTL) โดยเนื้อแท้ของ STRaND-1 จะมีมือถือ Android ที่ทำหน้าที่เป็นหัวใจและมันสมองสำคัญของดาวเทียมนี้ โดยทาง SSTL มีเป้าหมายที่ทจะพัฒนาดาวเทียมขนาดเล็กนำมาใช้ในทางธุรกิจ



เหตุผลที่ STRaND-1 เลือกใช้ระบบปฎิบัติการ Android เป็นส่วนประกอบสำคัญของดาวเทียม นั่นเป็นเพราะความเป็น Open Source ของ Android ที่เปิดกว้างให้สามารถนำไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังง่ายสำหรับการพัฒนา apps สำหรับดาวเทียม

ส่วนเหตุผลทำไมถึงต้องเป็นมือถือ Android ทั้งๆ ที่ Mainborad ของ Android น่าจะมีราคาที่ถูกกว่ามือถือ Android นั่นเป็นเพราะขนาดที่เบาเล็กและเบากว่าทำให้สะดวกต่อการออกแบบดาวเทียมให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด นอกจากนี้ยังมีฮาร์ดแวร์ที่ค่อนข้างครบครันกว่า Mainborad ของ Android ไม่ว่าจะเป็นกล้อง ระบบ GPS และ ระบบเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์

ซึ่งการทดลองวิทยาศาสตร์จาก ข่าวที่แล้ว ถือเป็นการทดลองที่จะปล่อย STRaND-1 ขึ้นไปลอยในวงโครจรของโลกเป็นครั้งแรก ใครที่สนใจอยากเป็นส่วนร่วมในการทดลองครั้งนี้ สามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากข่าวที่แล้ว

ที่มา SSTL

ปล. ใครที่ไปงาน Droidsans Meettings #4 จะเห็นว่า @Kanatorn (ผู้พัฒนา Droidsans Keyboard) ใช้ Mainboard ของ Android ที่รัน Honeycomb (รึเปล่า?) ทำการฉาย tweet ที่มีคน tag #Droidvenger และ #Droidscreen ฉายบน projector


Comments

Popular posts from this blog

ลองเล่นและเรียนรู้พื้นฐานขั้นต้นของ Spring Framework

** สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนรู้ในด้านของ Java EE หรือ J2EE อาจจะมึนงงกับศัพท์หน่อยครับ ทำไมต้อง Spring Spring เป็น framework ที่นิยมมากในการนำไปสร้างระบบในระดับ enterprise ในเริ่มแรกที่ Spring เกิดมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะมาแทนที่มาตรฐานของ Java อย่าง J2EE (Java 2 Enterprise Edition) ที่มันทั้งหน่วงทั้งอืดและยุ่งยาก โดยเฉพาะในส่วนของ EJB (Enterprise Java Bean) ที่ถือว่าเป็นฝันร้ายของนักพัฒนา ทำให้กูรูสาย Java ในช่วงนั้นถึงกับแนะนำว่า ถ้าจำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบด้วย J2EE จงอย่าใช้ EJB ถึงขั้นถึงกับมีหนังสือแนะแนวทางการพัฒนาระบบ J2EE โดยไม่ใช้ EJB อย่างไรก็ตามทาง Sun ผู้เป็นเจ้าของ Java ในสมัยนั้น ถึงกับต้องมาล้างระบบ J2EE ใหม่ในปี 2006 จัดการใน EJB ให้ใช้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการเปลี่ยนชื่อจาก J2EE เป็น Java EE (Java Enterprise Edition) เพื่อลบภาพอันเลวร้ายของเดิมให้หมด และได้มีการนำฟีเจอร์เด็ดๆ ของ open source framework หลายๆ ตัว อย่างเช่นแกนหลักของ Spring อย่าง IoC (Inversion of Control) หรือ OR Mapping (Object Relational Mapping) ที่เป็นที่นิยมอย่าง Hibernate แต่ก็ไ

ลองเล่น Lambda Expression ฟีเจอร์เด่นใน Java 8

ประวัติความเป็นมาของ Lambda expression Lambda expression ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในวงการ ภาษาโปรแกรม ( Programming Language ) เพราะ lambda มันเป็นแกนหลักของ การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน ( Functional Programming ) ซึ่งมีอายุมานานมากแล้ว แต่ Java เพิ่งนำเอาคุณสมบัตินี้เอามาใส่ลงในเวอร์ชัน 8 หากจะกล่าวถึงที่มาของ lambda คงต้องไปดูที่ถึงที่มาของ lambda calculus ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1930 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน  Alonzo Church  เพื่อใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน ในบางครั้งสมการทางคณิตศาสตร์ที่ยาวไปอาจจะทำให้เกิดความซับซ้อนโดยใช่เหตุ lambda calculus จะทำการยุบบางส่วนของสมการนั้นออกมาเป็นฟังก์ชันย่อยๆ เพื่อทำให้สมการนั้นเข้าใจง่ายขึ้น ต่อมาหลักการของ lambda calculus ได้ถูกนำไปใช้ใน Turing Machine ซึ่งเป็นแบบจำลองในอุดมคติของ Alan Turing  ที่ต่อมากลายเป็นต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในการผลิต  Von Neumann Machine  ซึ่ง Von Neumann Machine ตัวนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดแนวคิดของ lambda calculus ก็ถูกนำมาแปลงเป็นภาษาโปรแกรมท

ลองเล่น SonarQube คลื่นโซนาร์ช่วยตรวจสอบคุณภาพของ code

SonarQube  คือเครื่องมือช่วยตรวจสอบคุณภาพของ source code ช่วยหาข้อบกพร่องใน source code ไม่ว่าจะเป็น Bug ที่น่าจะเกิดขึ้น ช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยหรือกลิ่นไม่ดีใน source code ของเรา (Code Smell) และ ช่วยตรวจสอบเราเขียน code ทดสอบครอบคลุมหรือดีแล้วยังยัง (code coverage) Code Smell ไม่ได้ใช้วัดว่า source code นี้สามารถทำงานได้ถูกต้อง มี bug หรือช่องโหว่หรือไม่ แต่ Code Smell ใช้วัดถึงคุณภาพของการออกแบบ เพื่อตรวจสอบว่า source code ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะสามารถต่อเติม แก้ไขหรือทดสอบได้ง่ายหรือไม่ โดยหลักเกณฑ์ที่นำมาใช้วัดในส่วนของ Code Smell คือ ความซ้ำซ้อนของ code มี code แบบเดียวกันไปซ้ำกันในไฟล์ไหนบ้าง ตรวจสอบเงื่อนไขใน if ให้ ว่าเงื่อนไขตรงนี้มันมีโอกาสเป็นไปได้ไหม เพราะบางทีเงื่อนไขที่เราเขียนขึ้นมาเพื่อดักไว้ในบางครั้งมันแทบจะไม่มีโอกาสที่เวลามันทำงานแล้วเข้าเงื่อนไขในส่วนนั้น เป็นต้น สามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.somkiat.cc/code-smell-internal-class/ นอกจาก SonarQube จะสามารถบอกถึงคุณภาพของ source code เราได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการแจกแจงงานให