Skip to main content

[แนะนำ] Jetpack Joyride เกมส์สนุกที่อยากให้ลองเล่น


เกมส์ Jetpack Joyride ใจจริงอยากจะแนะนำเกมส์นี้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ที่ยังไม่แนะนำเพราะในช่วงแรกเกมส์ Jetpack Joyride ยังเปิดให้โหลดอยู่ในวงจำกัด เฉพาะแค่ใน Amazon Appstore เท่านั้น จึงยังไม่อยากแนะนำเพราะวิธีการการเข้าไปโหลด app ใน Amazon Appstore นั้นค่อนข้างยุ่งยากและวุ่นวายจึงรอให้มันมาเปิดตัวใน Play Store ก่อนจึงค่อยแนะนำ


แนวการเล่นของเกมส์ Jetpack Joyride ไม่มีอะไรมาก เหมือนๆ กับเกมส์แนว running ทั่วๆ ไปที่เราต้องบังคับ Barry Steakfries ที่กำลังจะหนีออกจาก Lab? หลังจากที่โขมย Jetpack ที่เราจะเห็นก่อนกดเริ่มเกมส์และจะมีป้ายปักว่า DO NOT STEAL ระหว่างทางที่เราหนีเราก็จะเจอกับอุปสรรคทั้งหลายแหล ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า เลเซอร์ จรวดมิสไซล์ เป็นต้น และจะมีตัวช่วยเล็กๆ น้อยๆ เป็นพวกยานพาหนะที่ทำให้การหลบหนีของเราง่ายขึ้น มีทั้ง นก มังกร ยานเทเลพอร์ต มอเตอร์ไซด์ หุ่นยนต์ และ sonic?

และแน่นอนว่าระหว่างทางที่เราหนีมีเหรียญให้เก็บประปรายตามทาง เพื่อให้เราไปซื้อของเพื่ออัพเกรด Jetpack หรือความสามารถต่างๆ ในขณะหลบหนีและในขณะตาย? ซึ่งตอนที่ผมได้เล่นในเวอร์ชั่นของ Amazon Appstore พบว่ามันมีบั๊กอยู่ ของที่เราซื้อมาในหมวดของ Gadget นั้นมีสิทธิหายได้ เหมือนว่าตัวเกมส์มันไม่ได้ Save ไว้ให้ตอนออกจากเกมส์ =_=

แต่สิ่งที่ผมชอบมันอยู่ที่ความกวนของผู้สร้างที่แทรกอยู่ในตัวเกมส์ เช่น Mission (ภารกิจ) ของเกมส์ที่กวนมากๆ จากวิดีโอด้านบนจะเห็นว่ามี นักวิทยาศาสตร์ ที่ทำตัวงงๆ วิ่งไปวิ่งแล้วโดนไฟฟ้าช็อตตาย อย่าคิดว่า นักวิทยาศาสตร์ เหล่านั้นไม่มีความหมายเพราะในบางภาระกิจเราต้องเดินเท้า (แทนการบิน) เพื่อลงไปทักทาย Say Hi นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้? ซึ่งการพิชิตภาระกิจได้จะทำให้เราได้เงินพิเศษซึ่งจะมากขึ้นตามระดับ Level ของภาระกิจ

ใครสนใจสามารถลองไปโหลดเล่นดูได้ตาม link ด้านล่างหรือจะยิง QR Code ด้านล่างนี้ก็ได้ครับ
Play Store Link: Jetpack Joyride

ที่มา Android Central

Comments

Popular posts from this blog

ลองเล่นและเรียนรู้พื้นฐานขั้นต้นของ Spring Framework

** สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนรู้ในด้านของ Java EE หรือ J2EE อาจจะมึนงงกับศัพท์หน่อยครับ ทำไมต้อง Spring Spring เป็น framework ที่นิยมมากในการนำไปสร้างระบบในระดับ enterprise ในเริ่มแรกที่ Spring เกิดมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะมาแทนที่มาตรฐานของ Java อย่าง J2EE (Java 2 Enterprise Edition) ที่มันทั้งหน่วงทั้งอืดและยุ่งยาก โดยเฉพาะในส่วนของ EJB (Enterprise Java Bean) ที่ถือว่าเป็นฝันร้ายของนักพัฒนา ทำให้กูรูสาย Java ในช่วงนั้นถึงกับแนะนำว่า ถ้าจำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบด้วย J2EE จงอย่าใช้ EJB ถึงขั้นถึงกับมีหนังสือแนะแนวทางการพัฒนาระบบ J2EE โดยไม่ใช้ EJB อย่างไรก็ตามทาง Sun ผู้เป็นเจ้าของ Java ในสมัยนั้น ถึงกับต้องมาล้างระบบ J2EE ใหม่ในปี 2006 จัดการใน EJB ให้ใช้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการเปลี่ยนชื่อจาก J2EE เป็น Java EE (Java Enterprise Edition) เพื่อลบภาพอันเลวร้ายของเดิมให้หมด และได้มีการนำฟีเจอร์เด็ดๆ ของ open source framework หลายๆ ตัว อย่างเช่นแกนหลักของ Spring อย่าง IoC (Inversion of Control) หรือ OR Mapping (Object Relational Mapping) ที่เป็นที่นิยมอย่าง Hibernate แต่ก็ไ

ลองเล่น Lambda Expression ฟีเจอร์เด่นใน Java 8

ประวัติความเป็นมาของ Lambda expression Lambda expression ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในวงการ ภาษาโปรแกรม ( Programming Language ) เพราะ lambda มันเป็นแกนหลักของ การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน ( Functional Programming ) ซึ่งมีอายุมานานมากแล้ว แต่ Java เพิ่งนำเอาคุณสมบัตินี้เอามาใส่ลงในเวอร์ชัน 8 หากจะกล่าวถึงที่มาของ lambda คงต้องไปดูที่ถึงที่มาของ lambda calculus ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1930 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน  Alonzo Church  เพื่อใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน ในบางครั้งสมการทางคณิตศาสตร์ที่ยาวไปอาจจะทำให้เกิดความซับซ้อนโดยใช่เหตุ lambda calculus จะทำการยุบบางส่วนของสมการนั้นออกมาเป็นฟังก์ชันย่อยๆ เพื่อทำให้สมการนั้นเข้าใจง่ายขึ้น ต่อมาหลักการของ lambda calculus ได้ถูกนำไปใช้ใน Turing Machine ซึ่งเป็นแบบจำลองในอุดมคติของ Alan Turing  ที่ต่อมากลายเป็นต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในการผลิต  Von Neumann Machine  ซึ่ง Von Neumann Machine ตัวนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดแนวคิดของ lambda calculus ก็ถูกนำมาแปลงเป็นภาษาโปรแกรมท

ลองเล่น SonarQube คลื่นโซนาร์ช่วยตรวจสอบคุณภาพของ code

SonarQube  คือเครื่องมือช่วยตรวจสอบคุณภาพของ source code ช่วยหาข้อบกพร่องใน source code ไม่ว่าจะเป็น Bug ที่น่าจะเกิดขึ้น ช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยหรือกลิ่นไม่ดีใน source code ของเรา (Code Smell) และ ช่วยตรวจสอบเราเขียน code ทดสอบครอบคลุมหรือดีแล้วยังยัง (code coverage) Code Smell ไม่ได้ใช้วัดว่า source code นี้สามารถทำงานได้ถูกต้อง มี bug หรือช่องโหว่หรือไม่ แต่ Code Smell ใช้วัดถึงคุณภาพของการออกแบบ เพื่อตรวจสอบว่า source code ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะสามารถต่อเติม แก้ไขหรือทดสอบได้ง่ายหรือไม่ โดยหลักเกณฑ์ที่นำมาใช้วัดในส่วนของ Code Smell คือ ความซ้ำซ้อนของ code มี code แบบเดียวกันไปซ้ำกันในไฟล์ไหนบ้าง ตรวจสอบเงื่อนไขใน if ให้ ว่าเงื่อนไขตรงนี้มันมีโอกาสเป็นไปได้ไหม เพราะบางทีเงื่อนไขที่เราเขียนขึ้นมาเพื่อดักไว้ในบางครั้งมันแทบจะไม่มีโอกาสที่เวลามันทำงานแล้วเข้าเงื่อนไขในส่วนนั้น เป็นต้น สามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.somkiat.cc/code-smell-internal-class/ นอกจาก SonarQube จะสามารถบอกถึงคุณภาพของ source code เราได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการแจกแจงงานให