Skip to main content

Diary ประจำอะไรซักอย่าง

ที่บอกว่าประจำอะไรซักอย่างเพราะไม่อยากระบุเวลาที่แน่นอนว่าจะประจำกี่เดือนกี่วันหรือกี่สัปดาห์ เอาเป็นว่าตามอารมณ์ดีกว่า 555+

ตั้งแต่เริ่มทำงานที่บริษัทปัจจุบันรู้สึกอ้วนเอา อ้วนเอา จนรู้ตัวว่าไม่ไหวละ ช่วงนี้เลยปฏิบัติการตื่นแต่เช้าๆ ออกมาวิ่ง โดยออกมาวิ่งตามท้องถนนแถวบ้าน เพราะตอนอยู่ที่บ้านนอกนั้นทำบ่อย แต่ที่กทม. นี้รู้สึกไม่ไหวตอนตี 5 รถจะเยอะไปไหน (วะ) วิ่งไปสูดควันไป ช่างเป็นเช้าที่สดใสมาก แต่จะไปวิ่งตามสวนสาธารณะก้ไม่ไหวไกลเกิน ไปกลับลำบากเดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน เลยต้องจำใจวิ่งริมถนนพร้อมฝุ่นควันจากรถท่อไอเสีย

โดยวิ่งไปตามทางถนนเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดเดิน โดยวันแรกวิ่งได้ระยะทางน้อยมากสั้นๆ คงเพราะอ้วน ทำให้เหนื่อยง่าย แต่วันหลังๆวิ่งได้เยอะขึ้น แต่ยังไม่เท่ากับตอนที่เป็นวัยรุ่นยังวิ่งได้ไกลกว่านั้นอีก หรือเป็นเพราะเราแก่ขึ้นวะ

จากที่ลองทำมาสองอาทิตย์พบว่ามีผลดีขึ้นกับตัวเองหลายๆข้อ เช่น
  • ตื่นแต่เช้าไปทำงานเร็วขึ้น (เช้ามากๆ มาก่อนเวลาเป้น ชม.)
  • รู้สึกอึดอัดน้อยลง คล่องตัวขึ้น (แต่น้ำหนักยังไม่ลดนะ)
  • ได้ตื่นเช้ามาใส่บาตรด้วย (แต่ได้ทำแค่วันเดียว)
ข้อเสียก็มีนะ เช่น
  • ไปทำงานง่วงนอนมาก เพราะตื่นเช้าเกิน (กินกาแฟเข้มมากๆก้เอาไม่อยู่)
  • นอนดึกไม่ได้ สี่ทุ่มนี่แทบจะล้มคาหมอนละ
  • ทำงานแล้วรู้สึกไม่มีสมาธิเพราะง่วง
แต่ตอนนี้ค้นพบแล้วว่าตื่นมา 6 โมงแล้ววิ่งนี้ไปทำงานแล้วไม่ง่วงแฮะเหมือนมาทำงานปกติไม่รู้สึกเหนื่อยอะไร ไม่น่าเชื่อว่าได้นอนเพิ่ม 1 ชม. ทำให้มันแตกต่างขนาดนี้ ถึงที่ทำงานก็เร็วเหมือนเดิมแต่ไม่มาก่อนเป็นชม. พอดีๆ แต่ว่าช่วงนั้นคนเริ่มออกมาเดินทางแล้วทำให้เวลาวิ่งอาจจะเคอะเขินได้ ลำบากเวลาวิ่งเพราะต้องหลบคน และรถที่มากขึ้นทำให้ต้องสูดควันมากขึ้น แต่ถ้าให้ผมเลือกผมอยากวิ่งตี 5 มากกว่าเพราะรถก็ยังไม่เยอะมากเท่าไร คนไม่เยอะ (สาเหตุหลัก เพราะผมเป็นคนเขินง่าย) วิ่งสบายใจกว่า

แต่ผมก็ไม่ได้วิ่งทุกวันนะวันไหนเลิกงานดึกก็จะตื่นไม่ไหวแต่ก็พยายามจะให้ได้ทุกวันเพื่อสุขภาพ (จริงๆอยากผอม 555+)

ปล. ที่ผมบอกใครบางคนว่า กินเยอะๆแล้วก็ออกกำลังกายเยอะๆ ผมก็ทำนะ ไม่ใช่ว่าไม่ทำ

Comments

Popular posts from this blog

ลองเล่นและเรียนรู้พื้นฐานขั้นต้นของ Spring Framework

** สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนรู้ในด้านของ Java EE หรือ J2EE อาจจะมึนงงกับศัพท์หน่อยครับ ทำไมต้อง Spring Spring เป็น framework ที่นิยมมากในการนำไปสร้างระบบในระดับ enterprise ในเริ่มแรกที่ Spring เกิดมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะมาแทนที่มาตรฐานของ Java อย่าง J2EE (Java 2 Enterprise Edition) ที่มันทั้งหน่วงทั้งอืดและยุ่งยาก โดยเฉพาะในส่วนของ EJB (Enterprise Java Bean) ที่ถือว่าเป็นฝันร้ายของนักพัฒนา ทำให้กูรูสาย Java ในช่วงนั้นถึงกับแนะนำว่า ถ้าจำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบด้วย J2EE จงอย่าใช้ EJB ถึงขั้นถึงกับมีหนังสือแนะแนวทางการพัฒนาระบบ J2EE โดยไม่ใช้ EJB อย่างไรก็ตามทาง Sun ผู้เป็นเจ้าของ Java ในสมัยนั้น ถึงกับต้องมาล้างระบบ J2EE ใหม่ในปี 2006 จัดการใน EJB ให้ใช้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการเปลี่ยนชื่อจาก J2EE เป็น Java EE (Java Enterprise Edition) เพื่อลบภาพอันเลวร้ายของเดิมให้หมด และได้มีการนำฟีเจอร์เด็ดๆ ของ open source framework หลายๆ ตัว อย่างเช่นแกนหลักของ Spring อย่าง IoC (Inversion of Control) หรือ OR Mapping (Object Relational Mapping) ที่เป็นที่นิยมอย่าง Hibernate แต่ก็ไ

ลองเล่น Lambda Expression ฟีเจอร์เด่นใน Java 8

ประวัติความเป็นมาของ Lambda expression Lambda expression ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในวงการ ภาษาโปรแกรม ( Programming Language ) เพราะ lambda มันเป็นแกนหลักของ การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน ( Functional Programming ) ซึ่งมีอายุมานานมากแล้ว แต่ Java เพิ่งนำเอาคุณสมบัตินี้เอามาใส่ลงในเวอร์ชัน 8 หากจะกล่าวถึงที่มาของ lambda คงต้องไปดูที่ถึงที่มาของ lambda calculus ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1930 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน  Alonzo Church  เพื่อใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน ในบางครั้งสมการทางคณิตศาสตร์ที่ยาวไปอาจจะทำให้เกิดความซับซ้อนโดยใช่เหตุ lambda calculus จะทำการยุบบางส่วนของสมการนั้นออกมาเป็นฟังก์ชันย่อยๆ เพื่อทำให้สมการนั้นเข้าใจง่ายขึ้น ต่อมาหลักการของ lambda calculus ได้ถูกนำไปใช้ใน Turing Machine ซึ่งเป็นแบบจำลองในอุดมคติของ Alan Turing  ที่ต่อมากลายเป็นต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในการผลิต  Von Neumann Machine  ซึ่ง Von Neumann Machine ตัวนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดแนวคิดของ lambda calculus ก็ถูกนำมาแปลงเป็นภาษาโปรแกรมท

ลองเล่น SonarQube คลื่นโซนาร์ช่วยตรวจสอบคุณภาพของ code

SonarQube  คือเครื่องมือช่วยตรวจสอบคุณภาพของ source code ช่วยหาข้อบกพร่องใน source code ไม่ว่าจะเป็น Bug ที่น่าจะเกิดขึ้น ช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยหรือกลิ่นไม่ดีใน source code ของเรา (Code Smell) และ ช่วยตรวจสอบเราเขียน code ทดสอบครอบคลุมหรือดีแล้วยังยัง (code coverage) Code Smell ไม่ได้ใช้วัดว่า source code นี้สามารถทำงานได้ถูกต้อง มี bug หรือช่องโหว่หรือไม่ แต่ Code Smell ใช้วัดถึงคุณภาพของการออกแบบ เพื่อตรวจสอบว่า source code ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะสามารถต่อเติม แก้ไขหรือทดสอบได้ง่ายหรือไม่ โดยหลักเกณฑ์ที่นำมาใช้วัดในส่วนของ Code Smell คือ ความซ้ำซ้อนของ code มี code แบบเดียวกันไปซ้ำกันในไฟล์ไหนบ้าง ตรวจสอบเงื่อนไขใน if ให้ ว่าเงื่อนไขตรงนี้มันมีโอกาสเป็นไปได้ไหม เพราะบางทีเงื่อนไขที่เราเขียนขึ้นมาเพื่อดักไว้ในบางครั้งมันแทบจะไม่มีโอกาสที่เวลามันทำงานแล้วเข้าเงื่อนไขในส่วนนั้น เป็นต้น สามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.somkiat.cc/code-smell-internal-class/ นอกจาก SonarQube จะสามารถบอกถึงคุณภาพของ source code เราได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการแจกแจงงานให