Skip to main content

วิดีโอพรีวิวฟีเจอร์ Lock Screen Widget ใน Android 4.2

ต่อเนื่องจากข่าวที่แล้ว หลังจากที่มีผู้ใช้ Galaxy Nexus บางรายได้รับการอัพเดท Android 4.2 แล้ว มีการพบว่าในการอัพเดทครั้งนี้มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง การเพิ่มวิดเจ็ตเข้าไปในหน้าจอล็อกสกรีน ด้วย

เราสามารถใส่วิดเจ็ตใส่เข้าไปกี่ตัวก็ได้ (ด้านซ้ายมือ) โดย 1 หน้าจอล็อกสกรีนจะสามารถแสดงวิดเจ็ตได้ 1 วิดเจ็ตเท่านั้น ในหน้าจอล็อกสกรีนหลักของเราจะมาพร้อมกับวิดเจ็ตของ "นาฬิกา" ซึ่งเป็นทางลัดให้เราเข้าไปตั้งค่า นาฬิกาปลุก จับเวลา หรือ นับเวลาถอยหลังได้ ส่วนในด้านขวาจะเป็นทางลัดเปิดกล้องถ่ายรูป ดูวิดีโอด้านล่างประกอบเพื่อความเข้าใจ



จะเห็นได้ว่าวิดเจ็ตในหน้าจอล็อกสกรีนก็มีความปลอดภัยในระดับนึง เราสามารถตั้งค่าปลดล็อกก่อนที่จะกดเข้าไปดูเนื้อหาในวิดเจ็ตได้ แต่เราก็ยังเห็นหัวข้อกับข้อความพรีวิวบางส่วนในหน้าวิดเจ็ตก่อนที่จะกดเข้าไปดูในเนื้อหาอีกที (ถ้าเป็น Gmail และ Message ก็จะเห็นหัวข้อและข้อความบางส่วน แต่ถ้าเป็น Twitter และ Facebook อาจจะเห็นข้อความได้ทั้งหมด)

และมีอีกประเด็นนึงที่น่าสนใจ ถึงแม้เราจะตั้งค่าการปลดล็อกไว้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรายังสามารถใช้ทางลัดเข้ากล้องถ่ายรูปในหน้าจอล็อกสกรีนได้โดยที่ไม่ถงไม่ถามหาการปลดล็อกซักคำ

ที่มา Android Central

เพิ่มเติม มีเพื่อนๆ (phoebus3k) ที่ได้ลองใช้ Android 4.2 มาเล่าถึงประสบการณ์การใช้ วิดเจ็ตในหน้าจอล็อกสกรีน ว่า ถึงจะเข้ากล้องได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปดูรูปและเข้าหน้า Home Screen ได้ครับ

เข้ากล้องได้ แต่ทำอย่างอื่นไม่ได้ครับ ดูรูปหรือเข้า home screen ไม่ได้ ลองเมื่อกี้ครับ

Comments

Popular posts from this blog

ลองเล่นและเรียนรู้พื้นฐานขั้นต้นของ Spring Framework

** สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนรู้ในด้านของ Java EE หรือ J2EE อาจจะมึนงงกับศัพท์หน่อยครับ ทำไมต้อง Spring Spring เป็น framework ที่นิยมมากในการนำไปสร้างระบบในระดับ enterprise ในเริ่มแรกที่ Spring เกิดมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะมาแทนที่มาตรฐานของ Java อย่าง J2EE (Java 2 Enterprise Edition) ที่มันทั้งหน่วงทั้งอืดและยุ่งยาก โดยเฉพาะในส่วนของ EJB (Enterprise Java Bean) ที่ถือว่าเป็นฝันร้ายของนักพัฒนา ทำให้กูรูสาย Java ในช่วงนั้นถึงกับแนะนำว่า ถ้าจำเป็นที่ต้องพัฒนาระบบด้วย J2EE จงอย่าใช้ EJB ถึงขั้นถึงกับมีหนังสือแนะแนวทางการพัฒนาระบบ J2EE โดยไม่ใช้ EJB อย่างไรก็ตามทาง Sun ผู้เป็นเจ้าของ Java ในสมัยนั้น ถึงกับต้องมาล้างระบบ J2EE ใหม่ในปี 2006 จัดการใน EJB ให้ใช้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการเปลี่ยนชื่อจาก J2EE เป็น Java EE (Java Enterprise Edition) เพื่อลบภาพอันเลวร้ายของเดิมให้หมด และได้มีการนำฟีเจอร์เด็ดๆ ของ open source framework หลายๆ ตัว อย่างเช่นแกนหลักของ Spring อย่าง IoC (Inversion of Control) หรือ OR Mapping (Object Relational Mapping) ที่เป็นที่นิยมอย่าง Hibernate แต่ก็ไ

Inversion of Control และ Dependency Injection

Inversion of Control (IoC) คืออะไร IoC เป็นทฤษฏีที่ว่าด้วย การลดความผูกมัด (dependency) กันในระหว่าง module เพื่อให้ application ของเราแก้ไข (maintain) ต่อเติม (extensible) หรือทดสอบ (test) ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเอาจริงๆ IoC เป็นอะไรที่ทำให้เราสับสนและงุนงงมากๆ ว่ามันคืออะไร หลายๆ คนจึงยกให้ว่า IoC คือ Dependency Injection (DI) ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว  Dependency คืออะไร Dependency คือการผูกมัดที่เกิดขึ้นในระบบ เมื่อ module นึงมีการเรียกใช้อีก module นึงด้วยการอ้างอิง (reference) ตรงๆ แล้วอะไรที่เรียกว่าการ อ้างอิง (Reference) แบบตรงๆ   อย่างภาพ diagram ด้านบน class LogEngine มีการเรียกใช้ ConsoleLog โดยตรง ซึ่งมองผ่าน diagram อาจจะไม่เห็นภาพลองดู code กัน public class ConsoleLog { public void openLog(){ //do something to open log } public void log(String message){ //do something to log } public void closeLog(){ //do something to close log } } public class LogEngine { private ConsoleLog log; public LogEngine(){

ลองเล่น Lambda Expression ฟีเจอร์เด่นใน Java 8

ประวัติความเป็นมาของ Lambda expression Lambda expression ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในวงการ ภาษาโปรแกรม ( Programming Language ) เพราะ lambda มันเป็นแกนหลักของ การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน ( Functional Programming ) ซึ่งมีอายุมานานมากแล้ว แต่ Java เพิ่งนำเอาคุณสมบัตินี้เอามาใส่ลงในเวอร์ชัน 8 หากจะกล่าวถึงที่มาของ lambda คงต้องไปดูที่ถึงที่มาของ lambda calculus ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1930 โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน  Alonzo Church  เพื่อใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อน ในบางครั้งสมการทางคณิตศาสตร์ที่ยาวไปอาจจะทำให้เกิดความซับซ้อนโดยใช่เหตุ lambda calculus จะทำการยุบบางส่วนของสมการนั้นออกมาเป็นฟังก์ชันย่อยๆ เพื่อทำให้สมการนั้นเข้าใจง่ายขึ้น ต่อมาหลักการของ lambda calculus ได้ถูกนำไปใช้ใน Turing Machine ซึ่งเป็นแบบจำลองในอุดมคติของ Alan Turing  ที่ต่อมากลายเป็นต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในการผลิต  Von Neumann Machine  ซึ่ง Von Neumann Machine ตัวนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกในเวลาต่อมา ท้ายที่สุดแนวคิดของ lambda calculus ก็ถูกนำมาแปลงเป็นภาษาโปรแกรมท